หน้าหลัก ค้นหา ติดต่อ สมุดโทรศัพท์ การเรียน/การสอน เหตุการณ์ แผนที่เว็บ Thai/Eng
MCU

หน้าหลัก » กุลธิดา ลิ้มเจริญ
 
เข้าชม : ๑๙๙๘๐ ครั้ง
ทัศนะของผู้เข้าร่วมโครงการการเผยแผ่ธรรมเชิงรุกในโครงการตวันธรรม
ชื่อผู้วิจัย : กุลธิดา ลิ้มเจริญ ข้อมูลวันที่ : ๑๓/๐๓/๒๐๑๘
ปริญญา : พุทธศาสตรมหาบัณฑิต(ธรรมนิเทศ)
คณะกรรมการควบคุมวิทยานิพนธ์ :
  บุญเลิศ โอฐสู
  จุฑามาศ วารีแสงทิพย์
  -
วันสำเร็จการศึกษา : ๒๐ มีนาคม ๒๕๕๙
 
บทคัดย่อ

บทคัดย่อ

    การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๓ ประการ (๑) เพื่อศึกษาวิธีการเผยแผ่ธรรมเชิงรุกตามแนวพระพุทธศาสนา (๒) เพื่อศึกษาธรรมเชิงรุกของโครงการตวันธรรม (๓) เพื่อศึกษาทัศนะของผู้เข้าร่วมโครงการการเผยแผ่ธรรมเชิงรุกในโครงการตวันธรรม

             การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยแบบผสมผสานโดยการศึกษาเชิงปริมาณและเชิงสำรวจ โดยใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บข้อมูล จากผู้เข้ากิจกรรมหลังจบโครงการตวันธรรม ณโรงแรมตวันนา จำนวน ๓๐๐ คน แล้ววิเคราะห์ข้อมูลเป็นร้อยละ พบว่า   

 

             ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าทรงใช้วิธีการเผยแผ่เชิงรุก โดยเสด็จไปแสดงธรรมแก่พุทธศาสนิกชนทุกระดับชั้นด้วยพระองค์เอง โดยทรงใช้พุทธวิธีการสอนในรูปแบบต่าง ๆ จนทำให้พระพุทธศาสนาแพร่หลายไปทั่วประเทศอินเดีย ในสมัยหลังพุทธกาล การเผยแผ่ธรรมะเชิงรุก เจริญรุ่งเรืองที่สุดในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ผู้ทรงเป็นกษัตริย์ที่ใช้หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในการปกครองประชาชน และได้ทรงส่งพระสมณทูต ๙ สายไปเผยแผ่พระพุทธศาสนายังประเทศต่างๆ ในสมัยปัจจุบันได้มีวิวัฒนาการรูปแบบการเผยแผ่ธรรมะเชิงรุกต่างๆ ทั้งในส่วนของพระสงฆ์ และคฤหัสถ์ ในส่วนของพระสงฆ์ ได้แก่การศึกษาสงเคราะห์ และการสาธารณสงเคราะห์ ส่วนของคฤหัสถ์ ก็มีการจัดการเผยแผ่ธรรมะเชิงรุก ในรูปแบบการจัดกิจกรรมต่างๆ ทางพระพุทธศาสนา

             การเผยแผ่ธรรมเชิงรุกของโครงการตวันธรรม มีพระเดชพระคุณพระราชปฏิภาณมุนี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสและประธานองค์การเผยแผ่ วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ได้ริเริ่มโครงการตวันธรรม ท่านได้ประยุกต์การเผยแผ่ธรรมเชิงรุกเพื่อการนำมาใช้ในการดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพสังคมในปัจจุบัน  โดยใช้วิธีการที่ทำให้ประชาชนทั่วไปได้มีโอกาสมาร่วมโครงการ โดยเลือกเวลาในช่วงหลังเลิกงานเพื่อจะได้ใช้เวลาหลังเลิกงานให้เป็นประโยชน์และมีวิธีการดำเนินการเผยแผ่ธรรมเชิงรุกเป็นขั้นตอนคือ เริ่มจากการสวดมนต์ เดินจงกรม นั่งสมาธิ และฟังธรรมะบรรยาย โดยได้นำหลักธรรมสำคัญ เช่น เบญจศีล เบญจธรรม พรหมวิหาร ๔ ฆราวาสธรรม ๔ ทิศ ๖ และอบายมุข ๖ และภาวนา มาให้ความรู้กับผู้เข้าร่วมโครงการได้มีความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนามากยิ่งขึ้น

 

             ในการจัดกิจกรรมโครงการตวันธรรมพบว่า ผู้เข้าร่วมกิจกรรมส่วนใหญ่เป็นเพศหญิง อยู่ในช่วงอายุ ๓๑ ๔๐ ปี จบการศึกษาสูงสุดปริญญาตรี ประกอบอาชีพเป็นพนักงานบริษัทเป็นส่วนใหญ่

             โดยภาพรวมมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ไม่ควรปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยที่สุด ร้อยละ ๕๔.๘๒ เมื่อคิดรายด้านพบว่าอยู่ในระดับน้อยที่สุด ในเรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ร้อยละ ๙๒.๖๗ เมื่อคิดเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุดร้อยละ ๐.๐๐

             โดยภาพรวมมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ควรปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุดร้อยละ ๕๒.๗๖ เมื่อคิดเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด ในเรื่อง หลักธรรมทางพระพุทธศาสนา สามารถนำไปใช้แก้ปัญหาต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี ร้อยละ ๙๒.๖๗ และมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาที่ควรปฏิบัติอยู่ในระดับน้อยที่สุดร้อยละ ๐.๐๐

 

             โดยภาพรวมมีการปฏิบัติตนของพุทธศาสนิกชนที่เข้าร่วมกิจกรรมต่อการนำหลักธรรมไปใช้ในการดำรงชีวิตอยู่ในระดับเป็นประจำ ร้อยละ ๗๑.๙๓ เมื่อคิดเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากที่สุด ในเรื่อง เว้นจากการลักทรัพย์ของผู้อื่น, การยินดีกับผู้อื่นที่ประสบความสำเร็จ, การวางใจเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร ด้วยใจที่บริสุทธิ์ยุติธรรม, การบำรุงเลี้ยงดูบิดามารดา, การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกันต่อภรรยาหรือสามี, ความจริงใจในการคบมิตร ร้อยละ ๑๐๐ เท่ากันทั้งหมด

             โดยภาพรวมมีความคิดเห็นเกี่ยวกับประโยชน์ที่ได้รับจากการเข้าร่วมกิจกรรมโครงการตวันธรรม อยู่ในระดับมากที่สุดร้อยละ ๖๔.๗๖ เมื่อคิดเป็นรายด้านพบว่าอยู่ในระดับเป็นประจำ ในเรื่อง กิจกรรมธรรมะในโรงแรมเป็นการพัฒนาจิตใจให้ได้สัมผัสกับความสุขใจ ร้อยละ ๗๙.๖๗

          การเผยแผ่ธรรมเชิงรุกของโครงการตวันธรรมจากผลการวิจัยพบว่าผู้เข้าร่วมโครงการได้รับประโยชน์และมีความรู้ความเข้าใจในหลักธรรมทางพระพุทธศาสนาในทางที่ดีขึ้น และมีความเปลี่ยนแปลงความประพฤติให้มีความโน้มเอียงเป็นคนดี มีศีลธรรมยิ่งขึ้น

 

ดาวน์โหลด

 
 
สงวนลิขสิทธ์โดยมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธ์ พ.ศ. ๒๕๓๗ 
พัฒนาและดูแลโดย : webmaster@mcu.ac.th 
ปรับปรุงครั้งล่าสุดวันพฤหัสบดี ที่ ๙ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๕๕